Thai | English
  สุขภาพ
17 วิธีสอนลูกให้เชื่อมั่นในตนเอง

17 วิธีสอนลูกให้เชื่อมั่นในตนเอง


เด็กที่ขาดความเชื่อมั่นในตนเองมักไม่กล้าเผชิญกับสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ หรือทำสิ่งใดๆ ที่ท้าทาย เพราะกลัวความล้มเหลวหรือกลัวทำให้คนอื่นผิดหวัง สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวถ่วงในการประสบความสำเร็จในอนาคตของลูกต่อไป
       
       ศัตรูของความเชื่อมั่นคือความท้อใจและความกลัว ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะคอยช่วยเสริมแรงและให้กำลังใจลูกสามารถก้าวผ่านสิ่งที่ยากๆ ในอนาคตได้ ซึ่ง นาตาเรีย วอเธอร์ ได้เขียนแนะนำไว้มี 17 วิธีดังนี้
       
       1. ชื่นชมกับความพยายามของลูก ไม่ว่าลูกจะแพ้หรือชนะ เมื่อเราโตมากขึ้นเราจะพบว่าระหว่างการเดินทางมีค่ามากกว่าจุดหมายปลายทาง เมื่อลูกตั้งเป้าหมายเพื่อที่จะชนะในการทำกิจกรรมบางอย่าง แต่ต้องสะดุดล้มหรือพลาดพลั้งไม่ไปถึงเส้นชัย ให้เราให้กำลังใจกับความพยายามของลูกนั้น อย่าทำให้ลูกรู้สึกอายเมื่อเขากำลังพยายาม ผลดีในระยะยาวคือลูกจะเรียนรู้ว่าความพยายามช่วยสร้างความมั่นใจได้อย่างมากทีเดียว
       
       2. ฝึกการให้กำลังใจเพื่อสร้างความสามารถ ควรให้กำลังใจและเสริมแรงให้ลูกทำในสิ่งที่ลูกสนใจ เพราะจะทำให้ลูกไม่รู้สึกกดดันมมากจนเกินไป ฮาโมนี ชู นักเปียโนระดับโลกบอกในรายการทอล์กโชว์ของเอลเลน ว่า เธอฝึกเล่นเปียโนตั้งแต่ 3 ขวบ และเล่นได้ดีเพราะได้รับกำลังใจจากครอบครัว
       การฝึกความพยายามจะสร้างความเชื่อมั่นในการพัฒนาตนเองตามมา
       
       3. ให้ลูกฝึกแก้ปัญหาด้วยตนเอง ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ช่วยแก้ปัญหาให้ลูกเสมอ ลูกจะขาดทักษะในการพัฒนาด้านความเชื่อมั่นในการคิดแก้ปัญหาด้วยตนเอง เมื่อผู้ปกครองคอยช่วยเหลือตลอดเวลาลูกจะขาดวิธีรู้จักคิดแก้ปัญหาและความเชื่อมั่นในตนเองจะหมดไป นั่นหมายความว่า ยอมให้ลูกได้เกรด B หรือ C บ้างแทนที่จะได้เกรด Aตลอดในขณะที่ลูกกำลังเรียนรู้ในการแก้ปัญหาในการทำงาน
       
       4. ให้ลูกแสดงพฤติกรรมตามวัย ไม่ควรมีความคาดหวังให้ลูกแสดงพฤติกรรมเหมือนผู้ใหญ่ เมื่อลูกรู้สึกว่าต้องแสดงพฤติกรรมที่เหมาะสมและถูกต้องตามที่พ่อแม่กำหนดเท่านั้นจะทำให้เห็นถึงมาตรฐานที่เป็นไปไม่ได้และจะไปลดความพยายามที่ลูกทำอยู่ การตั้งมาตรฐานที่ลูกไม่สามารถไปถึงได้จะลดความเชื่อมั่นของลูกลง
       
       5. กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น การตั้งคำถามที่ไม่จบไม่สิ้น อาจทำให้ลูกรู้สึกเหนื่อยและเบื่อหน่าย แต่ความจริงแล้วไม่ควรเป็นอย่างนั้น ผู้ปกครองควรตั้งคำถามเพื่อช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก เพื่อลูกจะเรียนรู้ว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่เรามองไม่เห็นในโลกนี้อีกมากมายที่เรายังไม่ได้เรียนรู้ สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นให้ลูกมีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น เด็กที่มาจากครอบครัวที่พ่อแม่ตั้งคำถามให้เสมอๆ จะเรียนรู้ได้เร็วและดีกว่าเด็กที่พ่อแม่หาคำตอบให้ตลอดเวลา
       
       6. ให้ลูกลองสิ่งท้าทายใหม่ๆ แสดงให้ลูกเห็นเป้าหมายที่เป็นความสำเร็จเล็กๆ เพื่อไปสู่ความสำเร็จของเป้าหมายใหญ่ๆ เช่น ขี่จักรยานโดยไม่ใช้ล้อเล็กฝึกการช่วยขี่ คุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างความมั่นใจในตัวลูกเพิ่มขึ้นได้จากความรับผิดชอบตามวัย
       
       7. หลีกเลี่ยงการซิกแซก หรือมีข้อยกเว้นให้ลูกเสมอ การให้สิทธิพิเศษทำให้ลูกขาดความเชื่อมั่น
       
       8. ไม่วิพากษ์วิจารณ์การแสดงออกของลูก ไม่มีสิ่งไหนที่ทำให้ลูกท้อใจเท่ากับการวิพากษ์วิจารณ์ลูกในความพยายามของเขา การให้คำแนะนำ หรือข้อเสนอแนะสามารถทำได้บ้าง แต่อย่าบอกว่าลูกทำกิจกรรมนี้ได้แย่จริงๆ ถ้าลูกกลัวที่จะล้มเหลวเพราะกังวลว่าจะทำให้เราโกรธหรือผิดหวัง ลูกจะไม่กล้าทำสิ่งใหม่ การที่พ่อแม่วิพากษ์วิจารณ์ลูกบ่อยๆ จะทำให้ลูกรู้สึกหมดคุณค่าในตัวเองและหมดแรงจูงใจด้วย
       

       9. ทำความล้มเหลวให้เป็นเกาะที่สร้างฐานการเรียนรู้ การเรียนรู้จากข้อผิดพลาดช่วยสร้างความมั่นใจ แต่นั่นจะเกิดขึ้นได้เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทำข้อผิดพลาดเป็นโอกาสที่จะเรียนรู้เติบโตและก้าวไป อย่าปกป้องลูกมากเกินไป ยอมให้ลูกล้มเหลวบ้างบางครั้งบางคราวเพื่อช่วยให้ลูกเกิดความเข้าใจ และมีการวางแผนที่ดีขึ้นในครั้งหน้า คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกเรียนรู้จากข้อผิดพลาด
       
       10. เปิดประตูสู่ประสบการณ์ใหม่ๆ ในฐานะผู้ปกครองเราควรช่วยเปิดโอกาสให้ลูกมีประสบการณ์ในโลกกว้างมากขึ้นเพื่อเปิดโลกทัศน์ในการเรียนรู้ การเปิดประสบการณ์ให้ลูกจะสอนให้ลูกรู้ว่า ไม่ว่าจะเจอประสบการณ์ซึ่งน่ากลัวที่เราไม่เคยเผชิญมาก่อนเราก็จะสามารถฝ่าฟันและเอาชนะมันได้
       
       11. สอนลูกว่าหากจะทำให้สำเร็จต้องรู้อะไรบ้าง คุณพ่อคุณแม่เป็นฮีโร่ในใจของเด็กๆจนกระทั่งลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ใช้โอกาสนั้นสอนลูกให้รู้จักวิธีการคิด การแสดงและการพูด เป็นตัวอย่างและแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูก การที่ลูกเฝ้าดูความสำเร็จของเราแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน
       
       12. อย่าบอกลูกเมื่อเรามีความกังวลใจกับลูก ผู้ปกครองที่กังวลใจมักแปลความหมายได้ว่าไม่เชื่อมั่น การแสดงความมั่นใจของผู้ปกครองจะส่งผลต่อความมั่นใจของเด็กด้วย
       
       13. ให้กำลังใจลูกเมื่อลูกเผชิญความทุกข์ยากลำบาก ในชีวิตนั้นไม่มีความยุติธรรมและไม่มีอะไรที่ง่ายเสมอไปซึ่งลูกต้องเรียนรู้เข้าสักวันใดวันหนึ่ง เมื่อเราเผชิญกับความยากลำบาก คุณพ่อคุณแม่ควรชี้ให้เห็นว่าเมื่อเราทนต่อความยากลำยากได้จะช่วยสร้างให้เราปรับตัวในการรู้จักยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้ คุณพ่อคุณแม่ควรอธิบายให้ลูกฟังว่าทุกถนนสู่ความสำเร็จจะต้องเผชิญกับขวากหนามบ้างอะไรบ้าง
       
       14. คุณพ่อคุณแม่เสนอตัวที่จะเข้าช่วยเหลือและสนุบสนุนแต่ต้องไม่มากจนเกินไป การให้ความช่วยเหลือที่มากเกินไปและเร็วเกินไปจะลดความสามารถในการช่วยเหลือตัวเองของลูก ควรให้ลูกช่วยเหลือตัวเองก่อนเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกมากขึ้น
       
       15. ชมเชยในความกล้าหาญเมื่อลูกเริ่มลองสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าทีมบาสเกตบอลหรือการลองเล่นโรลเลอร์สเก็ต ผู้ปกครองควรที่จะชมและให้กำลังใจเมื่อลูกทำสิ่งใหม่ๆ โดยพูดคำชมง่ายๆ เช่นเก่งมากที่กล้าลองสิ่งใหม่ๆ ความสบายมาจากการที่เราติดยึดกับสิ่งเก่าๆ แต่ความกล้าหาญมาจากการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่างจากเดิม
       
       16. ฉลองความตื่นเต้นในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เด็กๆ มองดูและเรียนรู้ว่าพ่อแม่รู้สึกอย่างไรต่อสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับเขา ถ้าเราตื่นเต้นกับวิธีการว่ายน้ำ หรือการพูดภาษาใหม่ๆ เด็กๆ ก็จะรู้สึกตื่นเต้นด้วย การเรียนรู้เป็นสิ่งที่ยากและหากทำให้ประสบความสำเร็จ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการฉลองความสำเร็จช่วยให้ลูกโตขึ้น
       
       17. เป็นผู้ปกครองแบบเข้าใจลูก ไม่บังคับหรือเข้มงวดจนเกินไป หากเราเข็มงวดกับลูกมากเกินไป จะทำให้ลูกขาดความมั่นใจและลดความเชื่อมั่นลง การทำตามคำสั่งตลอดเวลาจะทำให้ลูกขาดความกล้า
       
       การสร้างลูกให้มีความเขื่อมั่นจะทำให้ลูกเป็นคนสร้างสรรค์และกล้าพูดคำว่า “ไม่ได้” ต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้องเช่นกล้าปฏิเสธต่อผู้ที่มาหยิบยื่นสิ่งเสพติดต่างๆให้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องยอมให้ลูกรู้จักลองผิดลองถูกเพื่อสร้างลูกให้เป็นคนดีและคนเก่งในอนาคต เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ

ขอบคุณที่มาบทความ :
ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ/ http://manager.co.th

ขอบคุณที่มาของภาพประกอบ : www.thaihealth.or.th
 

[ +zoom ]
สุขภาพ
- ประโยชน์และวิธีการล้างจมูก
- ดูดนิ้ว เลิกได้ไหม
- โกนผมลูก ช่วยให้ลูกผมดก ได้จริงหรือ
- ภาวะความเครียดของทารกระหว่างคลอด
- เด็กถ่ายเหลวเพราะยืดตัว จริงไหม?
- คนไทยเชื่อผิดๆ “คนท้อง” ห้ามออกกำลังกาย ชี้ ออกกำลังกายขณะท้องช่วยแข็งแรงทั้งแม่ลูก
- 17 วิธีสอนลูกให้เชื่อมั่นในตนเอง
- หยุดการทำร้ายลูก.. ถึงเป็นพ่อแม่ แต่ไม่ใช่เจ้าชีวิต
- “โภชนาการช่วงแรกของชีวิต”
- เตือนพ่อแม่เลือกใช้พลาสติกผิดวิธี ลูกเสี่ยงเบี่ยงเบนทางเพศ!!!
ดูทั้งหมด

  สินค้าสำหรับเด็ก   สาระและความรู้   เกี่ยวกับเรา   ติดต่อเรา
  •   บริษัท อะธีน่า เมทีส จำกัด
  •   บริษัท เอ เอ็ม ซี (ไทยแลนด์) จำกัด
  •   50/41 หมู่ 13 ถนนพุทธมณฑลสาย 5
  •   ไร่ขิง สามพราน
  •   นครปฐม 73210
  •   Tel: +66 (0)2 019 9887
  •   Fax: +66 (0)2 019 9878
  •   E-mail: info@happybabito.com
HappyBabito Copyright 2010 Athena Metis Co., Ltd. All Rights Reserved. Babito is a trademark owned by Athena Metis Co., Ltd.
Engine by MAKEWEBEASY